หน้าแรก » 🇹🇭 Kintsugi by Jeff Ramsey – คินสุกิ บาย เจฟ แรมซีย์
Visit: July 20, 2022
🇹🇭 Kintsugi by Jeff Ramsey - คินสุกิ บาย เจฟ แรมซีย์
👨🏻🍳 Chef Jeff Ramsey - เชฟเจฟ แรมซีย์
61 ถนน วิทยุ แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
Tel: 02-650-8800

Cuisine
🍴 Japanese Contemporary - อาหารญี่ปุ่นร่วมสมัย
Country
Thailand
MICHELIN Guide
Selected by MICHELIN Guide
Score
14/20
Price
[INTRO] Jeff Ramsey เชฟมากประสบการณ์ผู้เคยคว้ารางวัล MICHELIN Star กับห้องอาหาร Tapas Molecular Bar ในกรุง Tokyo มาก่อนแล้วได้หมายมั่นปั้นมือในการนำเสนออาหารแบบ Kaiseki รูปแบบใหม่โดยผสมผสานเทคนิคการปรุงที่ทันสมัยรวมไปถึงเทคนิคแบบโมเลกุลจนมีความโดดเด่นชนิดหาใครเทียบได้ยาก
[THE PLACE] ห้องอาหาร Kintsugi by Jeff Ramsey เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นประจำโรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok โดยตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ระหว่างห้องอาหาร The Allium และ Silk Road ภายในออกแบบโดยยึดหลัก Minimalism เน้นชูความสวยงามตามธรรมชาติของวัสดุต่าง ๆ สังเกตได้จากกลุ่มโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ Rustic ลูกค้าสามารถเลือกนั่งบริเวณเคาน์เตอร์เพื่อชมเชฟปรุงอาหารให้ดูกันแบบจานต่อจานหรือเลือกนั่งที่โต๊ะเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวอีก 2 ห้องสำหรับเพื่อน ๆ ที่มากันเป็นกลุ่มอีกด้วย เชฟ Jeff Ramsey ตั้งใจนำความหมายของ Kintsugi มาใช้เปรียบเปรยการนำเสนอ Kaiseki ในรูปแบบของเขาโดยความหมายของชื่อนี้แปลตรงตัวได้ว่า “เชื่อมต่อด้วยทอง” อธิบายถึงศิลปะการซ่อมแซมเครื่องเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีทองเพื่อบ่งบอกถึงประวัติและอดีตของเครื่องแล็กเกอร์แวร์ชิ้นนั้น ๆ ทั้งยังมีความสวยงามในตัวเองแม้จะมีรอยต่อปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนสังเกตได้จากประติมากรรมรูปหัวใจบริเวณทางเข้าร้านไปจนถึงจานชามทุกใบที่จัดเสิร์ฟ สำหรับโลโก้ร้านที่เป็นรูปใบแปะก๊วยสีฟ้าอันเนื่องมาจากเชฟ Jeff Ramsey ตั้งใจสื่อถึงต้นแปะก๊วยทั้ง 4 ที่เติบโตขึ้นในเมืองฮิโรชิม่าแต่สามารถรอดพ้นจากการทิ้งระเบิดปรมาณูในปี พ.ศ. 2488 และยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ผสมผสานกับสีฟ้าที่สื่อถึงท้องทะเลและความเงียบสงบนั่นเอง
[THE CHEF] Jeff Ramsey เกิดในภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นโดยมีคุณพ่อเป็นทหารชาวอเมริกันและคุณแม่เป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดที่กรุงฮิโรชิม่า เส้นทางในช่วงแรกของเขาเริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กล้างจานที่ห้องอาหาร Tako Grill ในเมือง Bethesda มลรัฐ Maryland แต่ด้วยความสามารถเขาค่อย ๆ ไต่ระดับจนกลายเป็นถึงเชฟซูชิประจำร้าน ต่อมาเชฟ Jeff Ramsey ได้ย้ายไปฝึกงานกับฑูตด้านการทำซูชิของประเทศญี่ปุ่นอย่างคุณ Masayoshi Kazato จนได้รับตำแหน่งเป็น Sushi Master คนแรกที่มีเชื้อสายต่างชาติ แม้จะฝึกฝนวิชาความทางเกี่ยวกับอาหารพื้นบ้านจนคล่องแคล่วแต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสไตล์อาหารเป็นของตัวเองได้เขาจึงเดินทางไปเรียนรู้เทคนิคการปรุงอาหารยุคใหม่ Molecular Gastronomy กับมาสเตอร์เชฟ José Andrés ผู้เคยร่วมงานกับห้องอาหารระดับ 3 MICHELIN Stars อย่าง elBulli ครั้นมีทักษะและความสามารถเพรียบพร้อมแล้วนั้นเชฟระดับตำนานอย่าง Hide Yamamoto จึงได้ดึงตัวเขาไปดำรงตำแหน่ง Executive Chef ที่ห้องอาหาร Tapas Molecular Bar ณ โรงแรม Mandarin Oriental Tokyo จนสามารถรางวัล
1 MICHELIN Star มาครองได้สำเร็จในปี 2009 นอกจากนี้เชฟ Jeff Ramsey ยังเปิดร้านอาหารและป๊อบอับเป็นของตัวเองอีกหลายแห่งรวมไปถึงร้าน Babe ที่โด่งดังเป็นอย่างมากในประเทศมาเลเซียอีกด้วย
[THE FOOD] อาหารทุกคอร์สได้รับการรังสรรค์โดยเชฟ Jeff Ramsey และผ่านการควบคุมโดยเชฟมือขวาชาวมาเลเซียผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ในสถาบันการอาหาร Le Cordon Bleu Malaysia สำหรับมื้ออาหารใน Season นี้เชฟ Jeff Ramsey ได้หยิบยกเซ็ตอาหารญี่ปุ่นแบบ Kaiseki มาปรับรูปแบบการนำเสนอโดยผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่ลงได้อย่างแนบเนียน ลูกค้าสามารถเลือกทาน Set Menu ได้ 4 อย่างเริ่มต้นด้วย LUNCH KAISEKI (8 Courses/2,500++) เซ็ตเมนูสุดคุ้มค่านำเสนอเฉพาะช่วงมื้อกลางวันเท่านั้น สำหรับมื้อกลางคืนทางร้านนำเสนอ ITO (8 Courses/4,300++), KIN (11 Courses/6,300++) และ SIGNATURE OMAKASE (9,300++/11 Courses) ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มเติมจำนวนคอร์สแต่ยังปรับชนิดของวัตถุดิบให้พรีเมี่ยมมากขึ้นอีกด้วย สุดท้ายคือรายการแบบ À LA CARTE ให้เลือกสั่งกันได้ตามใจชอบและมีจานที่โดดเด่นจนอยากหยิบมาเล่าตรงนี้อย่างเช่น



[WHY GO] เชฟ Jeff Ramsey สามารถนำเสนออาหารชุด Kaiseki ออกมาในรูปแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร พนักงานทุกคนบริการดีในบรรยากาศแบบเรียบง่ายและเป็นกันเอง สำหรับเพื่อน ๆ ที่เบื่อกับความซ้ำซากและจำเจหรือกำลังมองหาร้านอาหารญี่ปุ่นทางเลือก Kintsugi by Jeff Ramsey คือคำตอบที่น่ามาลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง
Price :
700-6,500++/p
Parking :
จอดรถที่ The Athenee Hotel Bangkok
Operating Time :
11.30-14.30 และ 17.30-22.30
Dress Code :
Smart Casual
Score
👍 ร้านอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยที่สามารถประยุกต์เซ็ตไคเซกิแบบโบราณเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
อาหาร :
14
ราคา :
เทคนิค :
อัตลักษณ์ :
บรรยากาศ :
บริการ :
ไวน์ :
Map
📃 KIN (6,300++/p)
Temple Sake Home Brew “Doburoku”
Hokkaido Uni and Prawn, Items from Land and Sea
“Kin Kat” – Roast Foie Gras Monaka Sando with Sour Cherry and Myoga
Chef’s Selection of Seasonal Sashimi
Soy Marinated Ikura with House Made Silken Tofu and Ao Yuzu
Charcoal Grilled Kamasu Baraccuda with Yukimi Oroshi
Amadai Matsukasa Nitsuke – Sweet Soy and Ginger Braised Red Tilefish
Watari Crab Korokke with Roast Young Corn and Kani Miso Sauce
A5 Wagyu Sirloin Shabu Shabu with Winter Melon and Ponzu
Unagi Donabe Mushizushi, Miso Soup and Pickles
Black Cherry Daifuku, White Peach with Apricot Seed Tofu

Kintsugi by Jeff Ramsey – คินสุกิ บาย เจฟ แรมซีย์
Selected by MICHELIN Guide – ร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกในมิชลินไกด์
Japanese Contemporary – อาหารญี่ปุ่นร่วมสมัย
Chef Jeff Ramsey – เชฟเจฟ แรมซีย์

Shokuzenshu ~ Aperitif
Temple Sake Home Brew “Doburoku”
สำหรับคอร์สแรกเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มโดยพนักงานจะนำแก้วที่ประกอบขึ้นจากวัสดุต่าง ๆ มาให้เราเลือกใช้ (14/20)

Shokuzenshu ~ Aperitif
Temple Sake Home Brew “Doburoku”
สาเกในภาชนะนี้มีชื่อว่า Doburoku (どぶろく) โดยเชฟเป็นคนหมักเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก (14/20)

Hassun ~ Seasonal Small Items
Hokkaido Uni and Prawn, Items from Land and Sea
สำหรับคอร์ส Hassun นั้นประกอบไปด้วยเมนูย่อยตามฤดูกาลมากถึง 6 อย่างเริ่มต้นจาก Tako Salad นุ่มหนึบใส่มาในถ้วยแก้วใส ถัดมาคือ Cured Cucumber with Barley Miso ให้รสชาติเปรี้ยวและเย็นช่วยเรียกความสดชื่นได้ดีมาก ๆ ชิ้นตรงกลางคือ Okra with Mustard Miso เคี้ยวกรอบเสริมด้วยรสเค็มและอโรมาหอม ๆ ถ้วยเซรามิคฝั่งซ้ายบนคือ Botan Ebi and Uni เนื้อกุ้งนุ่มหวานเข้ากันกับความครีมมี่และสดชื่นของอูนิ จบด้วยการราดซีอิ๊วญี่ปุ่นสูตรพิเศษที่เชฟเตรียมมาเองกับมือ ด้านล่างฝั่งขวามือคือ Cold Crab Chawanmushi โดยเชฟเลือกใช้ King Crab เตรียมมากับไข่ตุ๋นญี่ปุ่นนุ่ม ๆ โดยใส่อโรมาของทรัฟเฟิลลงไปจาง ๆ จบด้วย Chilled Eggplant ทร่ได้จากการนำมะเขือไปย่างจนหอมแล้วแช่เย็น ด้านบนท็อปด้วย Tomato Jelly ให้ความอุมามิเสริมด้วยอโรมาของขิงมาแบบพอประมาณนั่นเอง (15/20)

Sakizuke ~ Amuse
“Kin Kat” – Roast Foie Gras Monaka Sando with Sour Cherry and Myoga
หนึ่งใน Signature Item ที่อยู่เคียงคู่กับห้องอาหาร Kintsugi by Jeff Ramsey มาอย่างยาวนานคือคอร์สที่มีชื่อว่า Kin Kat เสิร์ฟมาในกล่องกระดาษสีแดงสดใส (15/20)

Sakizuke ~ Amuse
“Kin Kat” – Roast Foie Gras Monaka Sando with Sour Cherry and Myoga
สำหรับ Set Menu ชุดนี้เชฟ Jeff Ramsey ได้ปรับปรุงสูตรเสียใหม่โดยการเตรียม Monaka Sando หรือแซนวิชสอดไส้ด้านในที่จับคู่รสชาติของ Foie Gras เผา, Oba หรือใบชิโสะ, Myoga หรือขิงญี่ปุ่นและ Sour Cherry Purée ให้รสชาติเปรี้ยวช่วยเชื่อมแต่ละองค์ประกอบเข้าด้วยกัน (15/20)

Mukozuke ~ Sashimi
Chef’s Selection of Seasonal Sashimi
จากนั้นจะเป็นคอร์สซาชิมิประจำวัน ในรอบนี้เชฟเลือกเสิร์ฟมาเป็น Otoro, Shima aji และ Madai โรยด้านบนด้วย Shiro Kombu เพื่อปรุงแต่งรสชาติเล็กน้อย เนื้อปลาสดมาก ๆ ทั้งยังแล่มาอย่างดี ทุกชิ้นมีขนาดเท่ากันและพอดีคำ (14/20)

Mushimono ~ Steamed
Soy Marinated Ikura with House Made Silken Tofu and Ao Yuzu
สำหรับคอร์สนึ่งเชฟนำเสนอเต้าหู้ขาวที่ทางร้านเตรียมเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก (15/20)

Mushimono ~ Steamed
Soy Marinated Ikura with House Made Silken Tofu and Ao Yuzu
เชฟจับคู่กับอีกหนึ่งวัตถุดิบหลักของคอร์สนี้คือ Katsuobushi ชิ้นโตดูจากภายนอกมีลักษณะคล้ายชิ้นไม้ขนาดใหญ่ (15/20)

Mushimono ~ Steamed
Soy Marinated Ikura with House Made Silken Tofu and Ao Yuzu
จากนั้นเชฟจะนำ Katsuobushi หรือปลาแห้งญี่ปุ่นที่เตรียมไว้มาขูดเป็นแผ่น (15/20)

Mushimono ~ Steamed
Soy Marinated Ikura with House Made Silken Tofu and Ao Yuzu
กระบวนการขูดนั้นใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Katsuobushi Kezuriki จนเป็นแผ่นบาง ๆ (15/20)

Mushimono ~ Steamed
Soy Marinated Ikura with House Made Silken Tofu and Ao Yuzu
เต้าหู้ญี่ปุ่นเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน รสชาติค่อนข้างบริสุทธิ์ ท็อปด้านบนด้วย Ikura หรือไข่ปลาแซลมอนคุณภาพสูงที่หมักด้วยซีอิ๊วสูตรพิเศษและ Katsuobishi เพิ่มความอุมามิและอโรมาเฉพาะตัว จากนั้นปรุงด้วยผิวยูซูให้รสเปรี้ยวได้ระดับ (15/20)

Yakimono ~ Grilled
Charcoal Grilled Kamasu Baraccuda with Yukimi Oroshi
สำหรับคอร์สย่างนี้เชฟ Jeff Ramsey นำเสนอเนื้อปลา Kamasu ย่างถ่านมาจนสุกพอดี ด้านบนท็อปด้วย Oba หรือใบชิโสะ ให้เนื้อสัมผัสที่กรอบตัดกันกับความนุ่มแบบ Silky ของเนื้อปลา แนะนำให้เทราดซอสที่เชฟทำเองลงไป ฝั่งขวามือคือ Daikon Snow ช่วยเรียกความสดชื่นทั้งยังสามารถสร้างอุณหภูมิที่แตกต่างกันในอาหารเพียงจานเดียวอีกด้วย (15/20)

Yakimono ~ Grilled
Charcoal Grilled Kamasu Baraccuda with Yukimi Oroshi
แยกองค์ประกอบของใบชิโสะออกมาจะพบกับเนื้อปลา Kamasu ที่นุ่มคล้ายสำลีวางอยู่ด้านล่าง (15/20)

Nimono ~ Simmered
Amadai Matsukasa Nitsuke – Sweet Soy and Ginger Braised Red Tilefish
ปลา Amadai ย่างที่ผิวฝั่งหนึ่ง จากนั้นนำไปตุ๋นในน้ำซีอิ๊วและขิง เนื้อปลานุ่มในขณะที่มีผิวฝั่งหนึ่งกรอบ รสชาติหวานกลมกล่อม เสิร์ฟมาคู่กับมะเขือทอด ถั่ว และกระเทียมต้น (14/20)

Agemono ~ Fried
Watari Crab Korokke with Roast Young Corn and Kani Miso Sauce
สำหรับคอร์สหลัง ๆ เชฟจะเริ่มปรับรูปแบบการเสิร์ฟมาเป็นอาหารเข้าถึงได้ง่าย ในที่นี้คือ Korokke หรือ Croquette สอดไส้เนื้อปู Watari ผิวด้านนอกชุบเกล็ดขนมปังทอดจนกรอบในขณะที่เนื้อสัมผัสด้านในนุ่มละมุน ข้างกันคือข้าวโพดอ่อนย่าง ด้านล่างรองด้วยซอส Kani Miso ที่ขึ้นมาจากมันปูหอมมันเสริมด้วยรสชาติของมันกุ้งล็อบสเตอร์และ Uni Paste ก่อนจะตกแต่งด้วย Micro Coriander ที่ด้านบน (14/20)

Wanmono ~ Served in a Bowl
A5 Wagyu Sirloin Shabu Shabu with Winter Melon and Ponzu
เมนูที่เข้าถึงได้ง่ายจากลูกค้าทุก ๆ คนคือเนื้อวัววากิวระดับ A5 ที่เชฟแล่บาง ๆ เพื่อนำมาทำเป็น Shabu Shabu นั่นเอง (14/20)

Wanmono ~ Served in a Bowl
A5 Wagyu Sirloin Shabu Shabu with Winter Melon and Ponzu
ไฮไลท์ของคอร์สนี้คือ Dashi สีเหลืองทองอร่ามมีรสชาติเปรี้ยวบาง ๆ ของยูซูและความหวานของฟักให้รสชาติที่แสนกลมกล่อม (14/20)

Wanmono ~ Served in a Bowl
A5 Wagyu Sirloin Shabu Shabu with Winter Melon and Ponzu
อะไรจะดีไปกว่าเนื้อวัววากิวระดับ A5 นุ่ม ๆ ละลายในปากเสิร์ฟมากับเห็ด Enoki และซุป Dashi สีทองคำ (14/20)

Shokuji ~ Rice Dish
Unagi Donabe Mushizushi, Miso Soup and Pickles
ปิดท้ายด้วยข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นที่เชฟนำชิ้นปลาไหลไปย่างบนถ่านเสิร์ฟมาในหม้อดินขนาดใหญ่โดยมีอโรมาหอม ๆ ของ Sancho Pepper (14/20)

Shokuji ~ Rice Dish
Unagi Donabe Mushizushi, Miso Soup and Pickles
จากนั้นเชฟจะตักแบ่งใส่ถ้วยให้แล้วราดด้านบนด้วย Kimchi Tamago เป็นอันพร้อมรับประทาน (14/20)

Shokuji ~ Rice Dish
Unagi Donabe Mushizushi, Miso Soup and Pickles
เมนูข้าวเสิร์ฟมาคู่กันกับ Miso Soup และผักดอง (14/20)

Mizugashi ~ Dessert
Black Cherry Daifuku, White Peach with Apricot Seed Tofu
ไม่เพียงแต่อาหารคาวเท่านั้นเพราะกระทั่งของหวานหัวหน้าเชฟก็ยังเป็นคนลงมือเตรียมด้วยตัวเองกันเลยทีเดียว (13/20)

Mizugashi ~ Dessert
Black Cherry Daifuku, White Peach with Apricot Seed Tofu
ล้างปากด้วย Melon Sorbet ที่เสริมด้วยรสชาติเปรี้ยวของ Yuzu Curd (13/20)

Mizugashi ~ Dessert
Black Cherry Daifuku, White Peach with Apricot Seed Tofu
ถัดมาคือเต้าหู้ทำมาจากเมล็ดแอปริคอตให้เนื้อสัมผัาคล้าย Panna Cotta ส่วนด้านบนคือองค์ประกอบของ Peach Purée นั่นเอง (13/20)

Mizugashi ~ Dessert
Black Cherry Daifuku, White Peach with Apricot Seed Tofu
จบด้วย Daifuku ที่ได้จากการนำ Black Cherry ไปจุ่มลงใน Sweet White Bean Paste จากนั้นห่อด้วยแป้งโมจินุ่มหนึบ (13/20)

แนะนำให้รับประทานของหวานคู่กันไปกับกาแฟสักแก้ว

[INTRO] Jeff Ramsey เชฟมากประสบการณ์ผู้เคยคว้ารางวัล MICHELIN Star กับห้องอาหาร Tapas Molecular Bar ในกรุง Tokyo มาก่อนแล้วได้หมายมั่นปั้นมือในการนำเสนออาหารแบบ Kaiseki รูปแบบใหม่โดยผสมผสานเทคนิคการปรุงที่ทันสมัยรวมไปถึงเทคนิคแบบโมเลกุลจนมีความโดดเด่นชนิดหาใครเทียบได้ยาก

[THE CHEF] Jeff Ramsey เกิดในภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นโดยมีคุณพ่อเป็นทหารชาวอเมริกันและคุณแม่เป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดที่กรุงฮิโรชิม่า เส้นทางในช่วงแรกของเขาเริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กล้างจานที่ห้องอาหาร Tako Grill ในเมือง Bethesda มลรัฐ Maryland แต่ด้วยความสามารถเขาจึงค่อย ๆ ไต่ระดับจนกลายเป็นถึงเชฟซูชิประจำร้าน ต่อมาเชฟ Jeff Ramsey ได้ย้ายไปฝึกงานกับฑูตด้านการทำซูชิของประเทศญี่ปุ่นอย่างคุณ Masayoshi Kazato จนได้รับตำแหน่งเป็น Sushi Master คนแรกที่มีเชื้อสายต่างชาติ แม้จะฝึกฝนวิชาความทางเกี่ยวกับอาหารพื้นบ้านจนคล่องแคล่วแต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสไตล์อาหารเป็นของตัวเองได้เขาจึงเดินทางไปเรียนรู้เทคนิคการปรุงอาหารยุคใหม่ Molecular Gastronomy กับมาสเตอร์เชฟ José Andrés ผู้เคยร่วมงานกับห้องอาหารระดับ 3 MICHELIN Stars อย่าง elBulli ครั้นมีทักษะและความสามารถเพรียบพร้อมแล้วนั้นเชฟระดับตำนานอย่าง Hide Yamamoto จึงได้ดึงตัวเขาไปดำรงตำแหน่ง Executive Chef ที่ห้องอาหาร Tapas Molecular Bar ณ โรงแรม Mandarin Oriental Tokyo จนสามารถรางวัล
1 MICHELIN Star มาครองได้สำเร็จในปี 2009 นอกจากนี้เชฟ Jeff Ramsey ยังเปิดร้านอาหารและป๊อบอับเป็นของตัวเองอีกหลายแห่งรวมไปถึงร้าน Babe ที่โด่งดังเป็นอย่างมากในประเทศมาเลเซียอีกด้วย

สำหรับมื้ออาหารใน Season นี้เชฟ Jeff Ramsey ได้หยิบยกเซ็ตอาหารญี่ปุ่นแบบ Kaiseki มาปรับรูปแบบการนำเสนอโดยผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่ลงได้อย่างแนบเนียน ลูกค้าสามารถเลือกทาน Set Menu ได้ 4 อย่างเริ่มต้นด้วย LUNCH KAISEKI (8 Courses/2,500++) เซ็ตเมนูสุดคุ้มค่านำเสนอเฉพาะช่วงมื้อกลางวันเท่านั้น สำหรับมื้อกลางคืนทางร้านนำเสนอ ITO (8 Courses/4,300++), KIN (11 Courses/6,300++) และ SIGNATURE OMAKASE (9,300++/11 Courses) ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มเติมจำนวนคอร์สแต่ยังปรับชนิดของวัตถุดิบให้พรีเมี่ยมมากขึ้นอีกด้วย สุดท้ายคือรายการแบบ À LA CARTE ให้เลือกสั่งกันได้ตามใจชอบ

ภายในออกแบบโดยยึดหลัก Minimalism เน้นชูความสวยงามตามธรรมชาติของวัสดุต่าง ๆ สังเกตได้จากกลุ่มโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ Rustic

ลูกค้าสามารถเลือกนั่งบริเวณเคาน์เตอร์เพื่อชมเชฟปรุงอาหารให้ดูกันแบบจานต่อจานหรือเลือกนั่งที่โต๊ะเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว

ห้องอาหาร Kintsugi by Jeff Ramsey เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นประจำโรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok โดยตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ระหว่างห้องอาหาร The Allium และ Silk Road

นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวอีก 2 ห้องสำหรับเพื่อน ๆ ที่มากันเป็นกลุ่มอีกด้วย

อาหารทุกคอร์สได้รับการรังสรรค์โดยเชฟ Jeff Ramsey และผ่านการควบคุมโดยเชฟมือขวาชาวมาเลเซียผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ในสถาบันการอาหาร Le Cordon Bleu Malaysia

เชฟ Jeff Ramsey ตั้งใจนำความหมายของ Kintsugi มาใช้เปรียบเปรยการนำเสนอ Kaiseki ในรูปแบบของเขาโดยความหมายของชื่อนี้แปลตรงตัวได้ว่า “เชื่อมต่อด้วยทอง” อธิบายถึงศิลปะการซ่อมแซมเครื่องเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีทองเพื่อบ่งบอกถึงประวัติและอดีตของเครื่องแล็กเกอร์แวร์ชิ้นนั้น ๆ ทั้งยังมีความสวยงามในตัวเองแม้จะมีรอยต่อปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนสังเกตได้จากประติมากรรมรูปหัวใจบริเวณทางเข้าร้านไปจนถึงจานชามทุกใบที่จัดเสิร์ฟ

สำหรับโลโก้ร้านที่เป็นรูปใบแปะก๊วยสีฟ้าอันเนื่องมาจากเชฟ Jeff Ramsey ตั้งใจสื่อถึงต้นแปะก๊วยทั้ง 4 ที่เติบโตขึ้นในเมืองฮิโรชิม่าแต่สามารถรอดพ้นจากการทิ้งระเบิดปรมาณูในปี พ.ศ. 2488 และยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ผสมผสานกับสีฟ้าที่สื่อถึงท้องทะเลและความเงียบสงบนั่นเอง

[WHY GO] เชฟ Jeff Ramsey สามารถนำเสนออาหารชุด Kaiseki ออกมาในรูปแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร พนักงานทุกคนบริการดีในบรรยากาศแบบเรียบง่ายและเป็นกันเอง สำหรับเพื่อน ๆ ที่เบื่อกับความซ้ำซากและจำเจหรือกำลังมองหาร้านอาหารญี่ปุ่นทางเลือก Kintsugi by Jeff Ramsey คือคำตอบที่น่ามาลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง