หน้าแรก » 🇹🇭 ADHOC – แอดฮอค
Visit: February 24, 2024
🇹🇭 ADHOC - แอดฮอค
👨🏻🍳 Chef Pitchakorn Ramabut (Chef Pop) - เชฟพิชชากร รามบุตร (เชฟป็อบ)
36/22 ซอยพร้อมศรี 1, สุขุมวิท 49 กรุงเทพมหานคร 10110
Tel: 065-143-1111
Cuisine
🍴 Thai Contemporary - อาหารไทยร่วมสมัย
Country
Thailand
MICHELIN Guide
None
Score
15/20
Price
ADHOC เป็นห้องอาหารสไตล์ Private Dining ที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ลูกค้าที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถนำรถไปจอดได้ที่อาคาร Biohouse และนำบัตรมาแสตมป์ที่ร้านฟรี ตัวร้านทาด้วยสีดำดูสุขุมและเรียบหรู ถึงแม้มองจากด้านหน้าอาจมีพื้นที่ไม่มากนักแต่ด้านในมีการจัดแบ่งส่วนที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม พื้นที่ชั้นล่างมีลักษณะเป็นโต๊ะยาวพร้อมกับเพดานสูงโปร่งสำหรับรองรับลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ ข้าง ๆ กันเป็นห้องครัวแบบกึ่งเปิดทำให้ลูกค้าที่นั่งบริเวณนี้สามารถชมทีมเชฟจัดเตรียมอาหารได้ตลอดเวลา บริเวณชั้นสองและสามถูกจัดเตรียมไว้สำหรับต้อนรับลูกค้ากลุ่มเล็กขนาด 2-4 คนโดยมีมุมสวย ๆ มากมายให้ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ
Price :
3,900++ THB/p
Parking :
จอดรถที่อาคาร Biohouse
Operating Time :
17.00-23.00
Dress Code :
Casual
Score
👍 หนึ่งในห้องอาหารไทยร่วมสมัยระดับแนวหน้าที่นำเสนอเมนูรสเลิศในรูปแบบที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร
อาหาร :
15
ราคา :
เทคนิค :
อัตลักษณ์ :
บรรยากาศ :
บริการ :
ไวน์ :
Map
📃 9-COURSE TASTING MENU (3,900++)
ADHOC – แอดฮอค
Thai Contemporary – อาหารไทยร่วมสมัย
Chef Pitchakorn Ramabut (Chef Pop) – เชฟพิชชากร รามบุตร (เชฟป็อบ)
ADHOC เป็นห้องอาหารสไตล์ Private Dining ที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ลูกค้าที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถนำรถไปจอดได้ที่อาคาร Biohouse และนำบัตรมาแสตมป์ที่ร้านฟรี
W. TAWEE FARM PORK
Quail Egg | House-made Chili Sauce | Bun
เริ่มต้นคอร์สแรกด้วย ”ไข่กระทะ“ ที่เชฟได้ป็อบได้รับแรงบันดาลใจมาจากทริปที่จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น เชฟนำขนมปังทาด้วยซอสพริกที่เราคุ้นเคยกันในเมนูไข่กระทะ นอกจากนี้ยังมีเบคอนที่เชฟเตรียมมาจากหมูส่วนสามชั้นของ ว. ทวีฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มหมูไบโอไดนามิคแห่งแรกในจังหวัดขอนแก่น ด้านบนท็อปด้วยไข่นกกระทาที่จะไหลเยิ้มมาช่วยเชื่อมแร่ละองค์ประกอบเข้าด้วยกันในขณะที่เคี้ยว (15/20)
BANANA SHRIMP
Shrimp Paste Oil | Shrimp Chin | Herbs
”ก้อยกุ้ง“ ประกอบไปด้วยสองคำจิ๋วเริ่มต้นที่ทาร์ตบางกรอบที่บรรจุเนื้อกุ้งปรุงสุก อีกฝั่งหนึ่งคือส่วนของคางกุ้งเสิร์ฟมากับซอสหอมมันเชฟที่เตรียมมาจากเปลือกกุ้งและส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ในการเสิร์ฟ ด้านบนท็อปด้วยคาเวียร์ช่วยเพิ่มกลิ่นอายของทะเลได้อย่างลงตัว (15/20)
จากนั้นล้างปากด้วยเครื่องดื่ม ”คอมบุฉะ“ ที่มีรสเปรี้ยวของเสาวรส (13/20)
TAI-PAO CLAMS
Smoked Dry fish | Longan | Local Seaweed | Som-Sa Dressing
เชฟป็อบอาศัยแรงบันดาลใจมาจากเมนู “แสร้งว่า“ ในหนังสือตำราแม่ครัวหัวป่าก์ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ โดยเลือกใช้หอยท้ายเภาซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบคุณภาพสูงของไทยที่หาชิมได้เพียงช่วงสั้น ๆ ในแต่ละปีเท่านั้นนำมา Slow-cooked จนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบ นอกจากนี้เชฟยังตั้งใจนำเสนอความหลากหลายทางรสชาติของน้ำ Dressing ที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบอันหลากหลายตั้งแต่ปลาเนื้ออ่อนแห้งที่นำมารมควัน ความหวานของลำไยและชมพู่ ความเค็มของสาฟร่ายพวงองุ่น และความเปรี้ยวของส้มซ่า ทั้งหมดนำเสนอมาในรูปแบบของกรานิต้าช่วยเรียกความสดชื่นได้อย่างน่าประทับใจ (15/20)
LON KEM BAK NUT (390++)
”หลนเค็มบักนัด“ ได้จากการนำเนื้อกุ้งมาทำเป็นหลนกับหัวกะทิที่เตรียมขึ้นมาเองแบบ In-house จนได้ความความหอม มัน ครีมมี่ที่พอเหมาะ เชฟเลือกใช้ความเปรี้ยวของบักนักหรือสับปะรด ด้านนอกห่อด้วยชิ้นขนมเบื้องบางกรอบที่เตรียมขึ้นมาจากแป้งถั่วเขียวท็อปด้วยชิ้นสับปะรดและคาเวียร์จากฟาร์มในอำเภอหัวหิน (15/20)
GOBY
House-made bun | Thai Tabasco | Pak Paew | Assorted pickles
เมนู ”สะเต๊ะ“ จานนี้เชฟป็อบได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปยังประเทศมาเซียและพบเจอกับเมนูสเต๊ะที่มีขายกันริมทาง เชฟเลือกใช้ปลาบู่นำไปหมักกับโยเกิร์ตและเครื่องเทศควบคู่กันไปกับอโรมาของอโรมาหอม ๆ ของสมุนไพรอย่างลูกผักชีและยี่หร่า เนื้อสัมผัสของชิ้นปลามีความเฟิร์มเล็กน้อย เชฟยังจับคู่กับซอสสะเต๊ะที่เตรียมขึ้นเองให้มีรสชาติที่เข้มข้นหอมมัน ด้านบนท็อปด้วยองค์ประกอบของน้ำอาจาดที่ได้จากการนำผักไปดองกับน้ำส้มสายชูมะพร้าวซึ่งไม่มีกลิ่นฉุน ยังมีความเค็มเบา ๆ ของคาเวียร์หัวหิน สุดท้ายคือขนมปังที่ใช้เวลาการเตรียมถึง 2 คืนแล้วย่างจนกรอบพอจับคู่มากับซอสพริกที่เชฟนิยามว่าเป็น Thai Tabasco นั่นเอง (15/20)
BLUE CRAB
Thai Mackerel | Herbs | Curry Paste Rice | Southern Bu-Do Sauce
คอร์สนี้เชฟป็อบได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณยายซึ่งเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เชฟนำเสนอเมนู ”ข้าวยำ“ โดยนำข้าวหอมมะลิจากจังหวัดยโสธรไปคลุกกับเครื่องแกงใต้ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของน้ำบูดูโฮมเมด สมุนไพร และผัดสดต่าง ๆ รวมกันถึง 12 ชนิดอย่างเช่นดอกดาหลา ใบพาโหม ใบไชยา นอกจากนี้ยังมีความหวานที่ได้จากปูม้าและความเค็มอันกลมกล่อมของปลาทูอีกด้วย (14/20)
BLUE CRAB
Thai Mackerel | Herbs | Curry Paste Rice | Southern Bu-Do Sauce
สุดท้ายคือองค์ประกอบของหนังไก่กรอบให้รสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว (14/20)
TAPI RIVER PRAWN
Egg Tofu | Hua Hin Caviar | Sam Kler Soup
เชฟนำเสนอจาน ”ต้มแกง“ กุ้งแม่น้ำจากแม่น้ำตาปีจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เนื้อสัมผัสที่กรอบ เด้ง สู้ฟันนิด ๆ จากนั้นห่อด้วยแผ่นแป้งถั่วเขียวสร้างมิติทางเนื้อสัมผัสที่ดี (15/20)
TAPI RIVER PRAWN
Egg Tofu | Hua Hin Caviar | Sam Kler Soup
องค์ประกอบด้านบนคือคาเวียร์จากอำเภอหัวหิน ด้านล่างรองด้วยไข่ตุ๋นที่เตรียมมาจากเต้าหู้ไข่จับคู่กับซุปน้ำมะพร้าวหอมสดที่เข้ากันดีกับไข่ตุ๋นมาก ๆ (15/20)
THAI WAGYU
Bamboo shoots | Yum Beans | Khao Tod | Bai yanang sauce
”ซั่วเนื้อ” ประกอบขึ้นจากเนื้อวัวไทยวากิวเสิร์ฟมา 2 ส่วนคือสันในที่ผ่านการจี่บนกระทะและส่วนเนื้อซี่โครงที่ผ่านการหมักและรทควันจนคล้ายกับแฮมหรือเบคอน ฟเสิร์ฟมาคู่กันกับมันแกวกรอบที่ผ่านการดองในน้ำยำใส ตรงกลางคือซุบหน่อไม้ ข้าง ๆ คือข้าวทอดให้ความกรอบนอกหนึบใน จากนั้นพนักงานจะเทราดซอสใบย่านางเข้มข้นลงไป (13/20)
REFRESHING
ล้างปากด้วยกรานิต้าชามะนาวท็อป ด้านล่างคือมะต๋าวหรือลูกชิดอบจนหนึบ นอกจากนี้ยังมีโอ้เอ๋วจากภูเก็ต ด้านบนท็อปด้วยมูสที่เตรียมมาจากโยเกิร์ต ส้ม และน้ำผึ้ง (14/20)
CORAL TROUT
Cashew nut | Dried Shrimp | Herbs
Pork neck | Pineapple | Southern Yellow Curry
Yellow Steamed Ou-Doi Rice
ปลากะรังจุดฟ้าที่ผ่านการจี่บนกระทะเสิร์ฟมาคู่กันกับซอส ”แกงเหลืองสับปะรดภูแล“ สูตรทางใต้ เชฟเพิ่มมิติทางรสชาติด้วยการใส่คอหมูหวานเนื้อนุ่มฉ่ำวางลงไปสลับกันกับชิ้นปลา นอกจากนี้ ยังมีความกรอบที่ได้จากสับปะรดหั่นเต๋า เชฟแนะนำให้รัยประทานกับข้าวหมกที่เตรียมมาจากข้าวอูดอยจากภาคเหนือ ข้าง ๆ คือกันคือ ”น้ำพริกหัวครก” รสชาติจัดจ้านจับคู่มากับผักและผลไม้เคียง นอกจากนี้ยังมีใบผักกูดทอดเสิร์ฟมาคู่กันกับจักจั่นทะเลที่ทอดมาได้อย่างพอดิบพอดีคือมีความกรอบ เคี้ยวง่าย และไม่อมน้ำมัน (15/20)
THAI CRAB OMELETTE (790++)
สำหรับผู้ที่มากัน 3-4 คนสามารถสั่ง ”ไข่เจียวปู“ ที่เชฟป็อบให้เนื้อปูกันมาแบบจุใจ ไข่มีความกรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน อย่าลืมแตะซอสพริกศรีราชาที่ทาวร้านทำเองแต้มลงไปด้วย (14/20)
MAIN DESSERT
Smoked Milk Ice Cream | Egg Cake
ของหวานจานหลักเชฟป็อบนำเสนอ ”ไอศกรีมนมสด“ จากฟาร์มสหกรณ์โคนมบ้านบึง จังหวัดชลบุรี นำมาผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ก่อนจะนำไปรมควันจนมีกลิ่นควันฝังอยู่ในไอศกรีม ด้านนอกมีความกรอบที่ได้จากแผ่น Tuile น้ำผึ้ง รอบ ๆ คือผงที่เตรียมมาจากนมเช่นกัน (15/20)
PETIT FOUR
ปิดท้าย Petit Four ประกอบไปด้วยขนมเบื้องชาโคลที่มีความหวานจากไส้ฝอยทอง ถัดมาคือทาร์ตส้มจี๊ดที่ประกอบไปด้วยเคิร์ดส้มจี๊ดรสเปรี้ยวท็อปด้วยส้มสายน้ำผึ้ง ชิ้นที่สามคือช็อกโกแลตจากจังหวัดชุมพร สุดท้ายคือโรตีท็อปด้วยน้ำตาบจากรสเค็มและถั่วมาคาเดเมียจากจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีชาอู่หลงผสมกับโสมเสิร์ฟมาให้อีก 1 แก้วอีกด้วย
เชฟพิชชากร รามบุตร หรือเชฟป็อบ เติบโตมาในครอบครัวโดยมีแรงบันดาลใจการเตรียมอาหารมาจากคุณย่าและคุณยาย หลังจากเลือกเส้นทางสายอาชีพเชฟเธอมีโอกาสร่วมงานกับโรงแรมชั้นนำรวมไปถึงเชฟระดับ MICHELIN Star อย่างเชฟหนุ่ม-ธนินทร อีกด้วย นอกจากนี้เธอยังเคยเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศมาแล้วมากมาย รูปแบบการนำเสนออาหารของเธอที่ห้องอาหาร ADHOC คือการหยิบยกวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยมาผสมผสานกับเมนูพื้นถิ่นที่เราคุ้นเคยกันดีโดยปรับรูปแบบการนำเสนอเสียใหม่ให้ดูร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เธอยังสามารถใส่อัตลักษณ์ของตัวเองลงไปในอาหารแต่ละจานได้อย่างน่าประทับใจ
ADHOC จัดเสิร์ฟเซ็ตเมนูรูปแบบเดียวในราคา 3,900++ ต่อคนโดยมีรายการ Signature Dish สำหรับ Add-on เพิ่มเติมเป็นทางเลือกได้อีก 2 จาน รายการไวน์ได้ถูกคัดเลือกเพื่อให้สามารถจับคู่กับอาหารไทยได้อย่างลงตัว
ตัวร้านทาด้วยสีดำดูสุขุมและเรียบหรู ถึงแม้มองจากด้านหน้าอาจมีพื้นที่ไม่มากนักแต่ด้านในมีการจัดแบ่งส่วนที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม
บริเวณชั้นสองและสามถูกจัดเตรียมไว้สำหรับต้อนรับลูกค้ากลุ่มเล็กขนาด 2-4 คนโดยมีมุมสวย ๆ มากมายให้ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ
พื้นที่ชั้นล่างมีลักษณะเป็นโต๊ะยาวพร้อมกับเพดานสูงโปร่งสำหรับรองรับลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่
ข้าง ๆ กันเป็นห้องครัวแบบกึ่งเปิดทำให้ลูกค้าที่นั่งบริเวณนี้สามารถชมทีมเชฟจัดเตรียมอาหารได้ตลอดเวลา
เราเคยแวะมาชิมเซ็ตเมนูเดิมของ ADHOC เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วและพบว่าเซ็ตเมนูชุดปัจจุบันได้พัฒนาต่อยอดจากเดิมไปอีกขั้นโดยเฉพาะอาหารตานหลักต่าง ๆ ที่เปลี่ยนจากสำรับมาเป็นอาหารทีละจานที่ถูกออกแบบและเรียบเรียงรสชาติมาได้อย่างพอเหมาะพอดี ราคาอาหารจัดว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพวัตถุดิบและเทคนิคการปรุง ก่อนกลับอย่าลืมแวะทักทายและพูดคุยกับเชฟป็อบเนื่องจากเธอต้องการฟังความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อพัฒนาตัวเองและอาหารของเธอได้ออกมาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในทุก ๆ ครั้ง