หน้าแรก » 🇹🇭 Madison – เมดิสัน
Visit: April 2, 2021
🇹🇭 Madison - เมดิสัน
155 Ratchadamri Rd, Lumphini, Pathum Wan District, Bangkok 10330
Tel: 02-395-9110
Cuisine
🍴 Steakhouse - สเต๊กเฮ้าส์
Country
Thailand
MICHELIN Guide
None
Score
12.5/20
Price
Madison เป็นร้านสเต๊กเฮ้าส์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ตัวตั้งอยู่ในโรงแรม Anantara Siam Bangkok Hotel ติดกันกับห้องอาหารไทย Spice Market ภายในออกแบบโดย Tony Chi อินทีเรียดีไซเนอร์ชาวไต้หวัน-อเมริกันผู้โด่งดัง เมื่อผ่านประตูร้านเข้ามาลูกค้าจะพบกับห้องรับประทานอาหารหลักที่ใหญ่โต โอ่อ่า เพดานสูงโปร่งมีแชนเดอเลียร์ห้อยลงมาจากเพดานเพื่อส่องสว่างตรงกลาง ขอแนะนำให้เลือกนั่งบริเวณมุมโซฟาซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าจุดอื่น ๆ ถัดเข้าไปข้างในเป็นห้องครัวซึ่งเชื่อมต่อกับห้องส่วนตัวสำหรับให้บริการลูกค้าที่มาทานกันเป็นกลุ่ม
Price :
3,000-5,000/p
Parking :
จอดรถที่ Anantara Siam Bangkok Hotel
Operating Time :
12.00-14.30, 18.00-23.00
Dress Code :
Smart Casual
Score
👍 ร้านสเต๊กเฮ้าส์ชั้นยอดใจกลางย่านราชประสงค์
อาหาร :
12.5
ราคา :
เทคนิค :
อัตลักษณ์ :
บรรยากาศ :
บริการ :
ไวน์ :
Map
📃 À LA CARTE
Madison – เมดิสัน
Steakhouse – สเต๊กเฮ้าส์
Madison เป็นร้านสเต๊กเฮ้าส์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ตัวตั้งอยู่ในโรงแรม Anantara Siam Bangkok Hotel ติดกันกับห้องอาหารไทย Spice Market
Sourdough, Tapioca and Parmesan Cheese Crackers
สำหรับเซ็ตขนมปังประกอบไปด้วย Sourdough ซึ่งจะมีผิวด้านนอกกรอบทแต่ด้านในนุ่ม ถัดมาคือ Crackers กรอบทำมาจากเผือกและพาเมซานชีสโดยชิ้นพาเมซานมีกลิ่นหอม กรอบ เบา อร่อยมาก ๆ แนะนำให้ทา Paprika Walnut ลงบนขนมปัง สลับกับเนย 2 ชนิดซึ่งเป็นไฮไลท์ของมื้อนี้อย่าง Green Olive และ Hazelnut Butter
Amuse Bouche
Farmer’s Bread with Piccalilli
เริ่มต้นด้วยขนมปังฟาร์มเมอร์เบรดกรอบ ๆ ด้านบนทอปด้วย Piccalilli หรือผักดองอันประกอบไปด้วยเสาวรส แครอท แอปเปิ้ล และเครื่องเทศต่าง ๆ ทอปด้วยคือ Feta Cheese ช่วยเสริมความครีมมี่ ตกแต่งด้วยดอกไม้ทานได้ด้านบน (12/20)
Beef Tartare (650++)
Truffle, Potato Salad, Mustard Leaves
สำหรับทาทาร์เนื้อทางร้านจะมาจัดเตรียมกันข้างโต๊ะแบบ Tableside โดยจะเลือกใช้เนื้อวัวออสเตรเลียนแองกัสส่วนเทนเดอร์ลอยน์มาสับจนละเอียด (12/20)
Beef Tartare (650++)
Truffle, Potato Salad, Mustard Leaves
จากนั้นใส่ ต้มหอมจีน หอมแดง เกลือ Cornichon ซอสทาทาร์ และสลัดมันฝรั่งลงไป (12/20)
Beef Tartare (650++)
Truffle, Potato Salad, Mustard Leaves
เนื้อวัวสับมาได้ละเอียดกำลังดี นุ่ม ด้านบนโรยด้วยทรัฟเฟิลขูดฝอยคุณภาพปานกลาง มีกลิ่นหอมใช้ได้ แต่ยังมีความกระด้างอยู่บ้าง (12/20)
Beef Tartare (650++)
Truffle, Potato Salad, Mustard Leaves
แนะนำให้ตักทาทาร์วางบนขนมปังกรอบแล้วทานเพื่อให้เกิดความแตกต่างทางเนื้อสัมผัส (12/20)
Lemon Crème fraîche, Brandy
ถัดมาพนักงานจะมาเทซุปข้นกุ้งล็อบสเตอร์ให้ต่อหน้าเราที่โต๊ะ (12/20)
Lobster Bisque (470++)
Lemon Crème fraîche, Brandy
แม้จะเป็นบิสก์แต่ซุปที่เราทานในวันนี้จัดว่ายังไม่ข้นมากนัก อย่างไรก็ตามตัวซุปยังคงกลิ่นหอมเอาไว้ได้ ตามด้วยรสขมนิด ๆ ของมันกุ้งและบรั่นดีเป็นอาฟเตอร์เทสต์ ด้านล่างเป็นเลมอนเครมเฟรชเช่รสออกเปรี้ยวนิด ๆ เพื่อตัดความมันของซุป (12/20)
Madison Caesar Salad (390++)
Romain Lettuce, Black Forest Ham, Parmesan, Croutons
ซีซ่าสลัดเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทางร้าสจะมาจัดเสิร์ฟและปรุงสด ๆ ที่ข้างโต๊ะ พนักงานจะนำผักกาด Ramaine Lettuce มาคลุกกับเครื่องสลัด ไข่แดง จัดใส่จานแล้ววางเบคอนและพาเมซานชีสลงไป ไอไลท์ของจานต้องยกให้กับน้ำสลัดที่ทำออกมาได้ดี หอม มัน ครีมมี่ ผักก็สดมาก ๆ กรอบไม่มีกลิ่นเขียว แผ่นเบคอนกรอบ ไม่อมน้ำมัน แต่ยังคงมีความแข็งอยู่บ้าง (12/20)
สำหรับเมนคอร์สพนักงานจะนำมีดมาให้เลือกตามใจชอบ
Wagyu Tenderloin Rossini (2,790++)
Grain-Fed Wagyu Beef Marbling Score 5 (200g), Seared Foie Gras, Black Truffle, Mixed Mushroom Red Wine Sauce
เมนูเมนคอร์สจานแรกเราลองสั่ง Signature Dish ของเชฟมาชิมกัน เนื้อวัวออสเตรเลียนวากิวส่วนเทนเดอร์ลอยน์ขนาด 200 กรัม เสิร์ฟมาที่ความสุกระดับมีเดียมแรร์เพอร์เฟ็ค ด้านล่างรองด้วยเห็ดผัด ด้านบนทอปด้านฟัวกราส์ที่ผ่านการเซียมาอย่างดี มีเห็ดทรัฟเฟิลขูด และซอสเห็ดผสมกับไวน์แดงรสชาติกลมกล่อม อย่างไรก็ตามแม้เนื้อวัวจะมีระดับความสุกที่พอเหมาะไร้ที่ติรวมไปถึงตัวซอสที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ แต่ฟัวกราส์เซียมาสุกเกินไปนิดจนตับเริ่มมีความกระด้างอยู่บ้างจนเราแอบเสียดายอยู่เหมือนกัน (13/20)
Iberico Pork Chop (1,300++)
Roast Potatoes, Apple, Peppercorn
เมนคอร์สจานถัดมาคือเนื้อหมูดำอิเบอริโก้นำเข้าจากประเทศสเปน เชฟย่างมากสุกพอดีสังเกตได้จากตรงกลางยังคงมีความฉ่ำชัดเจน ด้านบนราดด้วยซอส Peppercorn ทานกับแอปเปิ้ลเผาและมันฝรั่ง (13/20)
Truffle & Parmesan French Fries (210++)
with Smoked Mayonnaise
สำหรับเครื่องเคียงเราสั่งเฟรนช์ฟรายส์ทอด ทานแล้วมีกลิ่นหอมจากน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล (11/20)
ทางร้านมีเกลือให้เลือกหลายชนิด
Madison Signature Apple Crumble (450++)
Spiced Marinated Apple, Flambé with Grand Marnier, Almond Crumble, Brown Butter Ice Cream
ส่วนของหวานขอแนะนำเมนู Signature อย่างแอปเปิ้ลครัมเบิ้ล พนักงานจะมาปรุงให้ดูและเสิร์ฟกันสด ๆ ข้างโต๊ะ (13/20)
Madison Signature Apple Crumble (450++)
Spiced Marinated Apple, Flambé with Grand Marnier, Almond Crumble, Brown Butter Ice Cream
ขั้นตอนการทำเริ่มจากการนำแอปเปิ้ลลงผัดในกระทะ ใส่เครื่องต่าง ๆ ลงไปผัดจนเข้าเนื้อ จบด้วยการฟล็อมเบย์ด้วยกร็องมานิเย่ร์ จากนั้นนำเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมบราวน์บัตเตอร์ แอปเปิ้ลกรอบ หวาน มีรสขมเบา ๆ จากแอลกอฮอล์เป็นอาฟเตอร์เทสต์ ไอศกรีมหอม มัน ทั้งยังมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันของสององค์ประกอบ อร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำ (13/20)
Lemon Chiboust (260++)
Coconut Meringue, Limoncello, Strawberries, Thyme Ice Cream
เลมอนชิบูสต์ เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน ด้านบนทอร์ชด้วยไฟมามีรสขมเบา ๆ เสิร์ฟมาคู่กับแผ่นเมอแรงก์ที่มีเนื้อสัมผัสไม่แข็งมากนัก ไฮไลท์คือไอศกรีมใบไทม์มีส่งอโรม่าหอมเด่นชัดเจน (13/20)
ราคาหลังหักส่วนลดเหลือ 4,481 บาท
เมื่อผ่านประตูร้านเข้ามาลูกค้าจะพบกับห้องรับประทานอาหารหลักที่ใหญ่โต โอ่อ่า เพดานสูงโปร่งมีแชนเดอเลียร์ห้อยลงมาจากเพดานเพื่อส่องสว่างตรงกลาง
ขอแนะนำให้เลือกนั่งบริเวณมุมโซฟาซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าจุดอื่น ๆ
ภายในออกแบบโดย Tony Chi อินทีเรียดีไซเนอร์ชาวไต้หวัน-อเมริกันผู้โด่งดัง
คุณภาพอาหารทำออกมาได้ดีสมกับเป็นร้านสเต๊กเฮ้าส์ชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพแต่อาจมีบางจุดที่ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อยู่บ้าง พนักงานบริการดี เป็นกันเอง และสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับอาหารแต่ละคอร์สได้พอประมาณ Madison ยังคงเป็นร้านที่เราเชื่อใจและวนกลับมาทานต่อเนื่องกันในทุก ๆ ปี
ถัดเข้าไปข้างในเป็นห้องครัวซึ่งเชื่อมต่อกับห้องส่วนตัวสำหรับให้บริการลูกค้าที่มาทานกันเป็นกลุ่ม