Visit: December 30, 2020
🇹🇭 The Charm - เดอะ ฌาร์ม
93 ถนน ดีบุก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
Tel: 076-530-199
Cuisine
🍴Southern Thai - อาหารใต้
Country
Thailand
MICHELIN Guide
Bib Gourmand
Score
13/20
Price
The Charm เป็นห้องอาหารที่ตั้งอยู่ในอาคารอนุรักษ์เลขที่ 93 อายุกว่า 100 ปีบนถนนดีบุก ด้านหน้ามีป้ายร้านภาษาจีนสีดำอ่านว่า “จิดเส้ง” แปลตรงตัวได้ว่าความเจริญรุ่งเรืองดังพระอาทิตย์ขึ้น เดินเข้าไปจะพบกับห้องโถงรับแขกปูด้วยพื้นกระเบื้องโบราณของตัวบ้านที่ว่ากันว่าสั่งนำเข้ามาจากเมืองปีนัง ห้องทานอาหารหลักชั้นล่างเป็นแบบโอเพ่นแอร์ กลางร้านมี “ฉิ้มแจ้” ลานบ้านที่มีช่องลมปล่อยให้แสงแดดส่องลอดเข้ามากระทบกับบ่อน้ำช่วยให้บรรยากาศโดยรอบไม่ร้อนจนเกินไป บนผนังทาด้วยสีเขียวฟ้าสดใสตัดกันกับสีขาวครีม ส่วนใครที่รู้สึกร้อนอาจขึ้นไปชั้นบนซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า รอบๆเป็นตู้กับข้าวขนาดใหญ่สำหรับใส่จานและชามที่ได้มาจากอากง ทั้งยังช่วยให้ทัศนียภาพโดยรอบดูคลาสสิคมากขึ้นอีกด้วย
เจ้าของร้านคุณปอนด์-บุริศร์ภัทร ภู่เจริญ เติบโตขึ้นมาในครอบครัวคนจีนในเมืองคนภูเก็ตโดยมีอากงอาม่าเป็นชาวบาบ๋าและครอบครัวทางฝั่งคุณแม่เป็นชาวไหหลำจึงทำให้อาหารที่นี่ค่อนข้างโดดเด่นเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ชื่อร้าน “เดอะฌาร์ม” มีที่มาจากคำในสองภาษา เริ่มจากในภาษาไทยภาษาไทยชวนนึกถึงถ้วยชามสำหรับใส่กับข้าว ส่วนในภาษาอังกฤษ Charm เป็นว่าเสน่ห์ซึ่งแสดงถึงเสน่ห์ทางอาหารของจังหวัดภูเก็ตที่โด่งดังจนได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกจนกระทั่งได้รับรางวัลจากองค์การ UNESCO อีกด้วย ลูกค้าสามารถเลือกทานเมนูอลาคาร์ทได้ตามใจชอบ หลายเมนูได้มาจากประสบการณ์การทานอาหารในวัยเด็กของคุณปอนด์เจ้าของร้านซึ่งได้ปรับรสให้เข้าถึงง่ายขึ้น ในขณะที่บางจานได้สูตรโดยตรงมาจากอาม่าตันสุ่ยกิ้มและมีอาอี๊ช่วยควบคุมรสชาติให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับโดยเราขอจิ้มเมนูเด็ดห้ามพลาดเอาไว้สำหรับเป็นแนวทางให้เพื่อนๆได้ตามไปลองกันสัก 3 อย่าง
ไข่เจียวห่อหมกปู (300) น้ำพริกกุ้งเสียบเสวย (200) ปลาเต้าอิ้ว (250) จุดที่เราประทับใจที่สุดสำหรับ The Charm คืออาหารที่ผสมผสานความเป็นอาหารใต้อย่างคนภูเก็ต อาหารเปอรานากัน และอาหารจีนออกมาได้อย่างลงตัว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง รสชาติอาหารโดยรวมเทียบกับราคาถือว่าน่าประทับใจ ทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวและถนนคนเดินใจกลางเมือง เราขอแนะนำเป็นอย่างมากให้เพื่อนๆที่จัดทริปไปเที่ยวภูเก็ตโดยเฉพาะเหล่า Foodie ได้ลองแวะชิมกันดู รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนPrice :
500-800 THB/p
Parking :
จอดริมทาง
Operating Time :
11.00-21.00 ปิดวันพุธ
Dress Code :
Casual
Score
👍 ร้านอาหารจีนพื้นบ้านที่แฝงกลิ่นอายของคนใต้ลงไปด้วย รสชาติดีเหมาะสมกับราคา
อาหาร :
13
ราคา :
เทคนิค :
อัตลักษณ์ :
บรรยากาศ :
บริการ :
ไวน์ :
Map
📃 À LA CARTE
The Charm – เดอะ ฌาร์ม
Southern Thai – อาหารใต้
Bib Gourmand – บิบ กูร์มองด์
เจ้าของร้านคุณปอนด์-บุริศร์ภัทร ภู่เจริญ เติบโตขึ้นมาในครอบครัวคนจีนในเมืองคนภูเก็ตโดยมีอากงอาม่าเป็นชาวบาบ๋าและครอบครัวทางฝั่งคุณแม่เป็นชาวไหหลำจึงทำให้อาหารที่นี่ค่อนข้างโดดเด่นเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
เกี้ยนทอดภูเก็ต (220)
Deep fried local Phuket style sausage
เกี้ยน คือไส้กรอกสไตล์ภูเก็ตที่ได้จากการนำเนื้อหมูสับ เนื้อกุ้ง มาผสมกับมันแกว เผือก แห้ว นำมาห่อในบั่งเซ้หรือพังผืดของลำไส้หมู จากนั้นนำไปนึ่งแล้วชุบแป้งทอดจนกรอบ ไม่อมน้ำมัน ไส้ด้านในมีเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ทานกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด อร่อยจนต้องแนะนำให้เปิดใจลอง (13/20)
น้ำพริกกุ้งเสียบเสวย (200)
Pounded shrimp paste, lime juice, chili, onion and garlic topped with crispy shrimp
มาภูเก็ตเราเป็นต้องสั่งน้ำพริกกุ้งเสียบมาลองทานทุกร้าน สำหรับสูตรของร้าน The Charm จะมีอัตราส่วนของน้ำค่อนข้างเยอะ รสชาติเผ็ดจัดจ้าน มีกลิ่นหอมเครื่องสมุนไพรเด่นชัดเจน กุ้งเสียบกรอบ เคี้ยวง่ายไม่ติดฟัน ทานกับผักสดๆหลายอย่างเพื่อให้มีความต่างทางรสชาติและเนื้อสัมผัส (14/20)
หมูฮ้องสูตรบ้านเลขที่ ๙๓ (250)
Phuket classic dish of braised pork
ถัดมาคือเมนูอาหารพื้นบ้านเมืองภูเก็ตอย่างหมูฮ้องที่คุณปอนด์เจ้าของร้านใส่ปลาเค็มลงไปเป็นสูตรลับของร้าน เนื้อหมูสามชั้นถูกตุ๋นจนนุ่ม น้ำซอสด้านล่างเข้มข้นจนแอบติดหวานไปนิดสำหรับเรา สามารถทานตัดกับจานที่มีรสชาติเผ็ดอย่างแกงต่างๆได้ดี (12/20)
ปลาเต้าอิ้ว (250)
Deep fried fish topped with tasty soy sauce and garlic
ขอแนะนำเมนูปลาเต้าอิ้ว ที่ได้จากการนำฟิเลท์ของปลามงโฉมงามชิ้นโตไปทอดกับน้ำมันหมู กระเทียม และกากหมูจนกรอบ ไฮไลท์ของจานต้องยกให้ราดด้วยซีอิ๊วคุณภาพสูงนำเข้าจากเมืองปีนังประเทศมาเลเซียทั้งซีอิ๊วขาวและดำซึ่งมีความเปรี้ยวและหวานบาลานซ์กันมาอย่างดี กระเทียมที่ใส่มาด้วยทานง่าย ไม่มีกลิ่นฉุน อร่อยคุ้มค่ากับราคาที่ตั้งไว้จริงๆ (14/20)
ไข่เจียวห่อหมกปู (300)
Spicy omelette with chili paste and crab meat
เมนูที่ดีที่สุดในวันนี้ขอยกให้ไข่เจียวห่อหมก แม้หน้าตาจะดูธรรมดาไปนิดแต่รสชาติทำออกมาจัดจ้านถึงเครื่องและหอมกลิ่นห่อหมกมากๆ ตัวไข่เจียวเองก็กรอบ ไม่อมน้ำมัน ทั้งยังมีรสหวานธรรมชาติของเนื้อปูก้อน เป็นเมนูเด็ดที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้ทานกันในวันนี้และเป็นหนึ่งในเมนูไข่เจียวที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยทานมาเลยก็ว่าได้ (14/20)
ซี่โครงหมูแบบอุทัยศิลป์ (250)
Deep fried pork spare ribs topped with tasty oyster sauce
อาหารสูตรเด็ดที่ตั้งชื่อตามแบรนด์ต้นตระกูลเจ้าของร้าน ซี่โครงหมูถูกนำมาชุบแป้งทอดจนผิวด้านนอกกรอบ แต่เนื้อด้านในยังนุ่มกำลังดี จากนั้นราดด้วยซอสสูตรพิเศษรสชาติออกหวานเค็มเล็กน้อยแซมด้วยรสเผ็ดเบาๆ ใช้ช้อนตัดเบาๆเนื้อก็หลุดออกจากกระดูกเลยล่ะ (12/20)
สเต๊กหมูสับก้อน (220)
Old fashioned Hainanese pork steak
หากเคยเดินเข้าไปร้านอาหารสไตล์กุ๊กช็อปเก่าๆในกรุงเทพน่าจะคุ้นเคยกับเมนูอาหารรูปแบบนี้กันเป็นอย่างดี เชฟนำหมูไปสับจนเกือบละเอียด จากนั้นปรุงด้วยพริกไทยและกระเมียม นำมาปั้นเป็นก้อนแล้วทอด ข้างกันคือมันบดคล้ายแมชโพเทโท่และถั่วแบบฝรั่งแล้วจึงราดด้วยซอสแดงรสชาติเข้มข้น ใครที่พาคุณพ่อคุณแม่ไปห้ามพลาดเมนูนี้เลย (13/20)
แกงปลาตู้มี้ (250)
Penang style fish curry paste cooked with fish, lady finger and other vegetables
มาเมืองภูเก็ตทั้งทีอยากให้เปิดใจลองชิมอาหารเพอรานากันกันดูบ้าง เมนูนี้คือแกงตู้มี้ เป็นแกงที่มีความนุ่มและหอมคล้ายกับแกงส้ม แต่เพิ่มเติมคือรสชาติเปรี้ยวจากกระเจี๊ยบเขียว และผักที่ใส่มาก็เป็นคนละชนิดกันกับแกงส้ม ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยไม่เบา (13/20)
เห็ดหูหนูผัดไข่ (160)
Wok fried black mushrooms, egg and shallots
สำหรับเมนูผักเราขอชิมเห็ดหูหนูผัดไข่ เนื้อสัมผัสเคี้ยวกรึบๆหอมกลิ่นไข่ชัดเจน ด้านบนโรยด้วยกระเทียมเจียวกรอบ ไม่อมน้ำมัน ทานแล้วช่วยตัดรสชาติเค็มหรือเปรี้ยวจากอาหารจานอื่นได้ดีมากๆ (12/20)
ข้าวสวยโถกลาง (80)
Steamed Rice
ขอแนะนำให้สั่งข้าวสวยซึ่งมีราคาเริ่มต้นโถเล็กที่ 40 บาทเท่านั้น ส่วนโถกลางราคา 80 และโถใหญ่ 120 ตามลำดับ
มูสโกยตาราม (60)
Kuih Talam mousse
ขอแนะนำให้ลองสั่งขนมหวานสูตรเด็ดของร้านมาลิ้มลองกัน “โกยตาราม” แปลตรงตัวได้ว่าขนมใบเตย แม้จะเป็นขนมถาดที่ขายกันริมทางในเมืองภูเก็ตแต่ทางร้านนำมาทำเป็นมูสเนื้อเนียนละเอียด หอมกลิ่นใบเตยเด่นชัดเจน เสิร์ฟมาในแก้วใสช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับขนมง่ายๆได้เป็นอย่างดี (13/20)
สาคูกะทิน้ำตาลมะพร้าว (60)
Sago topped with coconut milk and coconut sugar
สุดท้ายคือ “ขนมข้าวเหนียวดำราดน้ำกะทิ” ข้าวเหนียวที่นี่ไม่แข็งเหมือนร้านอื่นๆ เคี้ยวหนึบกำลังดี เสิร์ฟมากับไอศกรีมกะทิทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิในจานเดียว. (12/20)
น้ำสับปะรดภูเก็ตปั่น (60)
Phuket pineapple shake
ส่วนเครื่องดื่มขอแนะนำน้ำสับปะรดปั่น ของดีขึ้นชื่อแห่งเมืองภูเก็ต มีรสหวาน แซมด้วยความเปรี้ยวนิดๆ
จุดที่เราประทับใจที่สุดสำหรับ The Charm คืออาหารที่ผสมผสานความเป็นอาหารใต้อย่างคนภูเก็ต อาหารเปอรานากัน และอาหารจีนออกมาได้อย่างลงตัว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง
รสชาติอาหารโดยรวมเทียบกับราคาถือว่าน่าประทับใจ ทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวและถนนคนเดินใจกลางเมือง เราขอแนะนำเป็นอย่างมากให้เพื่อนๆที่จัดทริปไปเที่ยวภูเก็ตโดยเฉพาะเหล่า Foodie ได้ลองแวะชิมกันดู รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ภายในห้องอาหาร
บนผนังทาด้วยสีเขียวฟ้าสดใสตัดกันกับสีขาวครีม ส่วนใครที่รู้สึกร้อนอาจขึ้นไปชั้นบนซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า รอบๆเป็นตู้กับข้าวขนาดใหญ่สำหรับใส่จานและชามที่ได้มาจากอากง ทั้งยังช่วยให้ทัศนียภาพโดยรอบดูคลาสสิคมากขึ้นอีกด้วย
ห้องทานอาหารหลักชั้นล่างเป็นแบบโอเพ่นแอร์ กลางร้านมี “ฉิ้มแจ้” ลานบ้านที่มีช่องลมปล่อยให้แสงแดดส่องลอดเข้ามากระทบกับบ่อน้ำช่วยให้บรรยากาศโดยรอบไม่ร้อนจนเกินไป
เดินเข้าไปจะพบกับห้องโถงรับแขกปูด้วยพื้นกระเบื้องโบราณของตัวบ้านที่ว่ากันว่าสั่งนำเข้ามาจากเมืองปีนัง
ลูกค้าสามารถเลือกทานเมนูอลาคาร์ทได้ตามใจชอบ หลายเมนูได้มาจากประสบการณ์การทานอาหารในวัยเด็กของคุณปอนด์เจ้าของร้านซึ่งได้ปรับรสให้เข้าถึงง่ายขึ้น ในขณะที่บางจานได้สูตรโดยตรงมาจากอาม่าตันสุ่ยกิ้มและมีอาอี๊ช่วยควบคุมรสชาติให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับ
The Charm เป็นห้องอาหารที่ตั้งอยู่ในอาคารอนุรักษ์เลขที่ 93 อายุกว่า 100 ปีบนถนนดีบุก ด้านหน้ามีป้ายร้านภาษาจีนสีดำอ่านว่า “จิดเส้ง” แปลตรงตัวได้ว่าความเจริญรุ่งเรืองดังพระอาทิตย์ขึ้น
ชื่อร้าน “เดอะฌาร์ม” มีที่มาจากคำในสองภาษา เริ่มจากในภาษาไทยภาษาไทยชวนนึกถึงถ้วยชามสำหรับใส่กับข้าว ส่วนในภาษาอังกฤษ Charm เป็นว่าเสน่ห์ซึ่งแสดงถึงเสน่ห์ทางอาหารของจังหวัดภูเก็ตที่โด่งดังจนได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกจนกระทั่งได้รับรางวัลจากองค์การ UNESCO อีกด้วย